top of page

รักษาคีลอยด์

ad keloid 4.jpg
keloid
keloid
keloid

    คีลอยด์ คือ แผลเป็นที่มีลักษณะ   

"นูนเพิ่มขึ้น และขยายขนาดเกินกว่าขอบเขตของแผลเริ่มต้น"

keloid
keloid
หมอ_200618_0001.jpg
ad keloid2.jpg
ad keloid3.jpg
ad keloid 1.jpg
line
facebook
phone

ฉีดยาคีลอยด์         เริ่มต้น 500.-
เลเซอร์คีลอยด์     เริ่มต้น 1,000.-
ผ่าตัดคีลอยด์      เริ่มต้น 4,000.-  
 (รวมค่าแพทย์ ค่ายาชา และตัดไหม)

                          สามารถส่งรูปให้แพทย์ประเมินการรักษา                                   หรือ นัดหมายปรึกษา   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

line

ภาพก่อน-หลังการรักษาคีลอยด์

ฉีดคีลอยด์
รักษาคีลอยด์
ผ่าตัดคีลอยด์
ผ่าตัดคีลอยด์ที่หู
ผ่าตัดคีลอยด์
ผ่าตัดคีลอยด์
ผ่าตัดคีลอยด์

รีวิวจากผู้ใช้บริการ

ad keloid รีวิว1.jpg
line
facebook
phone

คีลอยด์ (Keloid)

keloid.jpg

การป้องกัน

พยายามหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดแผล โดยเฉพาะในคนที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นคีลอยด์มากกว่าคนทั่วไป สามารถสังเกตได้จากรอยการฉีดวัคซีนที่บริเวณหัวไหล่ หากพบว่ามีแผลเป็นนูน  นั่นหมายถึงมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นคีลอยด์ได้ง่าย หากพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นคีลอยด์ได้ง่ายจะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดแผล หากมีแผลเกิดขึ้น จะต้องดูแลและทำความสะอาดแผลอย่างดี ไม่แกะเกาจนแผลลุกลามติดเชื้อ จะช่วยลดโอกาสการเกิดคีลอยด์ได้

คีลอยด์ อาจเกิดขึ้นทันทีที่แผลหาย หรือหลังจากที่แผลหายดีแล้วระยะเวลาหนึ่ง อาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีในการก่อตัว ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา  แผลเป็นคีลอยด์จะขยายขนาดใหญ่ขึ้น

  • คีลอยด์สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย ตำแหน่งในร่างกายที่พบได้บ่อย ได้แก่ หัวไหล่ ติ่งหู หน้าอก บริเวณหลังส่วนบนและบริเวณอวัยวะที่ขยับหรือเคลื่อนไหวบ่อย

  • พบในคนที่มีสีผิวเข้มมากกว่าผิวขาวถึง 5 เท่า

  • พบในวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่หรือวัยชรา

  • มักพบในคนที่มีประวัติการเกิดคีลอยด์ในครอบครัว

สาเหตุ

ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แท้จริง เชื่อว่าคีลอยด์เกิดจากความผิดปกติของกระบวนการหายของแผลตามธรรมชาติ โดยจะมีการสร้างคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายมากเกินกว่าปกติ โดยคีลอยด์จะค่อยๆ ขยายขนาดและนูนขึ้นกว่าแผลเริ่มต้น

อาการ

ส่วนใหญ่มีอาการคันที่คีลอยด์ มากน้อยขึ้นกับแต่ละบุคคล การเกาจะทำให้คีลอยด์นูนและขนาดใหญ่ขึ้น บางคนอาจมีอาการเจ็บและตึงที่คีลอยด์

การรักษา ทำได้หลายวิธี ได้แก่

1. การผ่าตัด ทำโดยผ่าตัดคีลอยด์ออกหรือลดขนาดให้เล็กลง มักใช้ในกรณีที่คีลอยด์มีขนาดเล็กและเกิดในบริเวณที่สามารถเย็บแผลได้ หลังการรักษาโดยการผ่าตัดมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้  แพทย์มักทำการผ่าตัดร่วมกับการฉีดยาหรือวิธีการรักษาอื่น

2. Pressure garment  คือ ผ้ายืดที่ตัดเพื่อกดรัดบาดแผล  โดยใช้แรงกดที่สม่ำเสมอสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อช่วยทำให้แผลเป็นนิ่มและเรียบขึ้น การใช้ Pressure garment ควรเริ่มใช้ทันทีที่บาดแผลหายสนิท โดยใส่ต่อเนื่องอย่างน้อย 16-20 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

3. การฉีดยา เป็นการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปที่คีลอยด์โดยตรง (Intralesional steroid injection)     โดยฉีดต่อเนื่องทุก 1 เดือน  ทั้งนี้ความถี่ในการฉีดขึ้นอยู่กับการตอบสนองของคีลอย์ต่อยา การรักษาด้วยการฉีดยาเข้าไปที่คีลอยด์อาจใช้เป็นการรักษาเดี่ยวๆ หรือรักษาร่วมกับวิธีอื่น เช่น ฉีดหลังผ่าตัด ซึ่งพบว่าลดอัตราการกลับมาเป็นอีก (recurrence rate) ได้เฉลี่ยถึง 50%

4. Topical Silicone gel การใช้ Silicone gel จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับแผล โดยรูปแบบที่ใช้มีทั้งแบบที่เป็นเจลทาแผล หรือเป็นแผ่นปิดแผล ซึ่งต้องปิดอย่างน้อย 12-24 ชั่วโมงต่อวัน  หรือเว้นเฉพาะเวลาอาบน้ำ การใช้ Silicone gel สามารถใช้เป็นการรักษาเดี่ยว หรือใช้ร่วมกับการรักษาวิธีอื่น

5. การรักษาด้วยเลเซอร์ มีการนำเลเซอร์ดาย์ (Pulsed Dye Laserมารักษา

แผลเป็นนูนและ   คีลอยด์ เลเซอร์สามารถช่วยให้แผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ราบลงได้ในระดับหนึ่ง แต่มักจะไม่ราบสนิท และแผลเป็นมีโอกาสที่จะกลับนูนขึ้นมาอีกเช่นกัน เพราะเชื่อว่าแสงเลเซอร์ชนิดนี้จะไปทำลายหลอดเลือดที่มาเลี้ยงแผลเป็น ทำให้แผลเป็นฝ่อลง ในทางปฏิบัติแพทย์มักรักษาแผลเป็นนูนโดยใช้เลเซอร์ควบคู่ไปกับการฉีดยาเข้าไป

6. การฉายรังสี เพื่อป้องกันไม่ให้คีลอยด์นูนขึ้นและขยายใหญ่ขึ้น นิยมใช้หลังการผ่าตัดคีลอยด์ พบว่ามีประสิทธิภาพการรักษาสูงถึง 65-99%  ไม่นิยมใช้เป็นการรักษาเดี่ยว (monotherapy)  เนื่่องจากต้องใช้รังสีในปริมาณสูงมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมาได้

ปัจจุบันพบว่ายังไม่มีวิธีการรักษาแผลเป็นคีลอย์วิธีใดที่ได้ผลดีที่สุด การรักษาคีลอยด์ที่ดีที่สุดจึงเป็นการใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน เช่น การผ่าตัดร่วมกับฉีดยาเข้าไปที่คีลอยด์ หรือ การฉีดยาเข้าไปที่คีลอยด์ร่วมกับการใช้แผ่นซิลิโคนแปะ เป็นต้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้อง เหมาะสม 

แผนที่เอส.jpg
bottom of page